ด้วย ‘ธรรมนูญสุขภาพ’
เวทีเสวนา “Policy Talk of Change” ในงาน “สมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18” ดึง 2 สถานศึกษา “รร.วัดไผ่ล้อม - รร.อนุบาลลำปางเขลางค์รัตน์อนุสรณ์” ร่วมสะท้อนผลลัพธ์ใช้ “ธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา” บูรณาการภาคีเครือข่ายสร้างสุขภาวะในโรงเรียน พร้อมวางกลไกสร้างความยั่งยืนให้ธรรมนูญฯ
เวทีเปลี่ยนมุมมอง (Policy Talk of Change) หัวข้อ “ธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา” ภายใต้กิจกรรมตลาดนัดนโยบาย ที่จัดขึ้นในการประชุมสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 18 พ.ศ. 2568 โดยสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายยุทธศาสตร์ ระหว่างวันที่ 27-28 พ.ย. 2568 ณ อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี ในประเด็นหลัก “เศรษฐกิจยุคใหม่ สร้างสุขภาวะไทยยั่งยืน” (New Wealth for Health) ได้บอกเล่าถึงผลลัพธ์ของการพัฒนา และสร้างสุขภาวะในโรงเรียนผ่านธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษา โดยชี้ให้เห็นถึงการใช้กระบวนการการมีส่วนร่วมในการสร้างสุขภาวะในสถานศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม
นางจุฑารัตน์ ประกิจ ผู้อำนวยการโรงเรียนวัดไผ่ล้อม อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย กล่าวว่า โรงเรียนวัดไผ่ล้อมได้มีการผลักดันให้เกิดการสร้างสุขภาวะผ่านธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษาในประเด็นการแก้ไขพฤติกรรมติดหน้าจอโทรศัพท์ของเด็กนักเรียน โดยเหตุผลที่เลือกประเด็นนี้มาขับเคลื่อนมาจากการเล็งเห็นร่วมกับผู้ปกครองของนักเรียนว่า หลังเวลาเลิกเรียนและช่วงที่กลับถึงบ้านเด็กๆ มักมีพฤติกรรมการเล่นโทรศัพท์อย่างการดูสื่อสังคมออนไลน์ เช่น ติ๊กตอก (TikTok) หรือการเล่นเกมค่อนข้างมาก จึงอาจส่งผลเสียต่อพัฒนาการ และสุขภาพของเด็กๆ ได้
ทั้งนี้ ในการขับเคลื่อนเพื่อแก้ไขพฤติกรรมดังกล่าว ทางโรงเรียนได้มีการประชุมวางแผนดำเนินการกับครูภายในโรงเรียน ชุมชน องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) และวัด จากนั้นจึงได้เขียนคำขอทำโครงการรับงบประมาณสนับสนุนจากกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ในการส่งเสริมการใช้เวลาว่างเพื่อเล่นกีฬาฟุตบอล พร้อมกันนี้ทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา สุโขทัย เขต 2 ยังได้ประสานกับนักจิตวิทยาในเด็ก เพื่อมาสนับสนุนในการช่วยแก้ไขพฤติกรรมติดเกมให้กับเด็กนักเรียนควบคู่ไปด้วย
ไม่เพียงเท่านั้น โรงเรียนวัดไผ่ล้อมยังได้มีการจัดทำโครงการในการสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค (P&P) ให้กับนักเรียนในโรงเรียนผ่านกลไกกองทุนหลักประกันสุขภาพท้องถิ่นหรือพื้นที่ (กปท.) ทั้งการป้องกันปัญหาติดโทรศัพท์ ด้านการดูแลสุขภาพช่องปาก และการป้องกันปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียน ซึ่งจากการดำเนินการต่างๆ เหล่านี้ และธรรมนูญสุขภาพฯ ได้ทำให้เด็กนักเรียนลดการใช้โทรศัพท์ลง มีพื้นที่สำหรับกิจกรรมที่โรงเรียน ส่งผลให้สุขภาพทั้งกาย และจิตใจดีขึ้น
“สิ่งที่หลายโรงเรียนอาจกังวลเกี่ยวกับการขับเคลื่อนในเรื่องธรรมนูญฯ อย่างการเพิ่มภาระงานให้ครูหรือบุคลากรในโรงเรียน มองถ้าเราสามารถบูรณาการสิ่งเหล่านี้เข้ากับกิจกรรมของโรงเรียนแบบเดียวกิจกรรมอื่นๆ ที่มีการดำเนินการอยู่แล้ว ก็จะไม่เป็นการเพิ่มภาระได้ หรือการมีทรัพยากรจำกัดก็ยังสามารถทำได้ เหมือนอย่างโรงเรียนวัดไผ่ล้อมที่เป็นโรงเรียนขนาดเล็กโดยมีคุณครูเพียง 7 คน ส่วนนักเรียนมีทั้งหมด 45 คน แต่สามารถทำให้เกิดธรรมนูญสุขภาพฯ ได้” นางจุฑารัตน์ ระบุ
ด้าน นางปรัชญาพร ตุ้ยเต็มวงศ์ รองผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลลำปางเขลางค์รัตน์อนุสรณ์ อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง กล่าวว่า โรงเรียนอนุบาลลำปางฯ ได้เลือกประเด็นในการขับเคลื่อนเพื่อสร้างสุขภาวะโดยใช้กลไกของธรรมนูญสุขภาพสถานศึกษาใน 3 ประเด็น ได้แก่ 1. ป้องกันปัญหาบุหรี่ไฟฟ้าในโรงเรียน 2. การส่งเสริมด้านโภชนาการ เพื่อให้เด็กนักเรียนได้รับสารอาหารที่ครบถ้วนและแก้ไขปัญหาภาวะอ้วนในเด็ก และ 3. การลดการติดเกมในโทรศัพท์ แต่ประเด็นบุหรี่ไฟฟ้าจะเป็นประเด็นหลัก
เนื่องจากทางสภานักเรียนได้มีการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากนักเรียนในโรงเรียนเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขโรงเรียนเพื่อให้เป็นแนวทางข้อตกลงร่วมกัน และพบว่าเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าในสถานศึกษาถูกสะท้อนขึ้นมามากที่สุด เพราะทุกคนเล็งเห็นถึงการแพร่ระบาดเยอะมาก ทั้งในโรงเรียน และนอกรั้วโรงเรียน หรือกระทั่งในครอบครัวเองก็ตาม
นางปรัชญาพร กล่าวต่อไปว่า สำหรับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการทำธรรมนูญสุขภาพฯ นั้น จากการถอดบทเรียนตั้งแต่มีการทำธรรมนูญสุขภาพฯ มากว่า 1 ปีพบว่า เด็กนักเรียน ครู และบุคลากรในโรงเรียนมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอยากมาก อีกทั้งยังทำให้ทางโรงเรียนกลายเป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่ไฟฟ้าแบบ 100% ได้จริงแล้ว
ขณะที่เรื่องภาระงานกับการขับเคลื่อนธรรมนูญสุขภาพฯ เนื่องด้วยทางโรงเรียนมีความพร้อมพอสมควร อีกทั้งงานด้านสุขอนามัยของโรงเรียน กิจการ หรือความปลอดภัยของสถานศึกษาเป็นนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และภาระหน้าที่หลักที่โรงเรียนต้องปฏิบัติอยู่แล้ว การทำธรรมนูญสุขภาพฯ ในสถานศึกษาก็เหมือนกฎระเบียบอื่นๆ ของโรงเรียน มากไปกว่านั้น ยังมีเครือข่ายสมัชชาสุขภาพจังหวัดลำปางที่ร่วมช่วยกันขับเคลื่อนด้วยอีกส่วน ฉะนั้นการทำสิ่งนี้จึงไม่ใช่การเพิ่มภาระมากขึ้นแต่อย่างใด
“อย่างไรก็ตาม ก็ต้องมีการสร้างความเข้าใจร่วมกันกับบุคลากร คุณครู และผู้บริหารทุกระดับด้วย ว่าธรรมนูญสุขภาพฯ ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ธรรมนูญสุขภาพคือกฎระเบียบอย่างหนึ่ง แค่เปลี่ยนคำเรียกเท่านั้น จากนั้นก็สร้างความตระหนักให้กับคุณครู ผู้ปกครอง และนักเรียน รวมถึงสร้างการมีส่วนร่วมให้เขาเหล่านั้นมาร่วมทำธรรมนูญสุขภาพฯ จนได้เป็นฉันทมติ” นางปรัชญาพร กล่าวเสริม
นางปรัชญาพร กล่าวด้วยว่า ทางโรงเรียนยังมีการวางรากฐานให้ธรรมนูญสุขภาพฯ อยู่ต่อไปได้ในระยะยาวด้วย แม้บุคลากรหรือผู้เริ่มต้นขับเคลื่อนอาจจะไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนต่อ หรือมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร โดยผ่านการถ่ายทอดให้กับคุณครู และนักเรียนที่รับผิดชอบไปเรื่อยๆ และที่สำคัญคือกำลังจะมีการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนและขยายผลลงไปสู่อีก 13 อำเภอในจังหวัด รวมถึงตั้งเป้าที่จะผลักดันไปเป็นวาระของจังหวัดด้วย
//////////////////////
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม:
กลุ่มงานสื่อสารสังคม สช.
โทร. 02-8329141